คนเราแต่ละคนนั้นย่อมมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน คงไม่มีชีวิตของใครที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจึงล้วนอยู่ที่จิตใจของเราโดยแท้ ถ้าหากว่าจิตใจเราพร้อมที่จะสู้และคิดบวกอยู่เสมอ ไม่ว่าอุปสรรคที่ผ่านมามันจะยากเย็นแค่ไหนเราก็พร้อมที่จะผ่านมันไปได้ แต่ถ้าหากว่าจิตใจเราท้อแท้ ห่อเหี่ยว หมดกำลังใจในการที่จะสู้ต่อไป ต่อให้เป็นเรื่องเล็กๆ มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตได้ขึ้นมาทันที ซึ่งสิ่งเล็กๆ ที่เราเรียกว่าจิตใจนี้เองมันเหมือนเป็นตัวที่คอยดึงชีวิตของเราว่าจะสูงขึ้นหรือต่ำลง
หากว่าใครยังคงมีวังวนความคิดในด้านที่ติดลบหรือมักจะบอกกับตัวเองว่าชีวิตมันย่ำแย่นักอยากให้ลองอ่านหนังสือสักเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “เข็มทิศชีวิต” ถูกแต่งขึ้นมาโดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง แล้วคุณจะทำให้รู้สึกว่าการคิดบวกและการมองโลกในแง่บวกนั้นมีค่ามากแค่ไหนกับโลกใบนี้รวมถึงชีวิตของเรา หนังสือบอกเล่าถึงเรื่องราวจากประสบการณ์ชีวิต ความคิดของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนค่อนข้างประสบความสำเร็จในชีวิตมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเรียนจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ด้วยวัยที่อ่อนกว่าคนอื่นทั่วไป การมีธุรกิจเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุ 25 ปี มีครอบครัวที่อบอุ่นประกอบไปด้วยสามี และลูก 1 คน ชีวิตของเธอดูเหมือนทุกอย่างจะเพอร์เฟคไปหมด แต่แล้วใครจะไปคิดว่ามรสุมชีวิตก็ถาโถมเข้ามาหาเธอชนิดที่ว่าเป็นคนอื่นอาจจะไม่ได้ยืนหยัดอยู่มาจนทุกวันนี้ก็เป็นได้ เริ่มต้นจากการที่สามีเสียชีวิตอย่างกะทันหัน พร้อมกับทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ไว้ให้เธอกับลูกซึ่งมูลค่าหนี้สินนั้นเกือบ 100 ล้านบาท คิดดูว่าขนาดงานศพของสามียังมีเจ้าหนี้มาหากันแบบพร้อมเพรียงเพื่อจะทวงหนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าด้วยความคิดบวกของเธอพร้อมกับวิธีในการหาหนทางเพื่อมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ทำให้เธอสามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี เธอคิดเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องปล่อยวาง หากเก็บเอาไว้ก็จะกลายเป็นทุกข์ บางคนยึดติดอยู่แต่วัตถุ การอยากได้อยากมีมันก็มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น
เมื่อเธอสามารถล้างหนี้ได้หมดเธอก็ตัดสินใจออกจากงานมาทำในสิ่งที่เธอต้องการจะทำ นั่นคือ การปฏิบัติและส่งเสริมธรรมะ หากมีเวลาว่างก็จะไปบรรยายให้กับผู้อื่นได้ฟัง เพื่อให้คนที่มีปัญหารู้สึกว่ามีกำลังใจในการที่จะสู้ชีวิตต่อไปและทุกๆ คนก็จะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดีเมื่อมีการคิดบวกกับชีวิต